Melon
เห็นรูปลักษณ์กลมมีลายตาข่าย เห็นชัดเจนอยู่ทั่วผลนั้น ดูไกลๆ อาจคิดว่าเป็นผลเคตาลูปที่ทุกท่านเคยทานกันแต่พอมองใกล้ๆ แล้วจะเห็นชัดเลยว่ามันคือผลเมล่อน ของดีจากญุี่ปุ่น ที่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย เมล่อนจัดเป็นพืชอยู่ในตระกูลแตง คล้ายแคนตาลูป แต่มีความแตกต่างกันที่รสชาติ ความหอม กลิ่น เนื้อ และลวดลานที่สวยงามของผล ขึ้นกับสายพันธุ์ชนิดต่างๆ ซึ่งในเมืองไทยเรานิยมเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความหวาน หอม อร่อย และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ที่มาที่ไป
ในฤดูร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น หรือ ช่วงเดือนมิถุนายน ชาวญุี่ปุ่นจะนิยมทานผลไใ้ที่มีความกวานฉ่ำเพื่อเป็นการคล้านร้อนและยังเป็นการเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ เมล่อ ซึ่งเป็นผลไม้ที่หวานฉ่ำ อีกทั้งยังมีความหอมหวานจึงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ เมล่อนคุณภาพสูงเพราะเกษตรกรชาวญี่ปุ่นจต้องเพาะปลูกเมล่อนในเรือนกระจกและมีการควบคุมการเพาะปลูกเป็นอย่างดี
เมื่อเจ้าเมล่อนได้ข้ามน้ำจ้ามทะเลมาเมืองไทยของเรานั้น เจ้าเมล่อนเหล่านี้ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ไม่ต่างกัน เจ้าเมล่อนจากแดนปลาดิบนั้นจะชอบอากาศแห้ง ชอบดินที่มีการระบายน้ำและอากาศดี เพื่อจะให้เจ้าเมล่อนมีคุณภาพดี ที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง จึงเป็นต้องพึ่งพาขั้นตอนและวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้อง
การดูแลเจ้าเมล่อน
เกษตรกรของไทย เล่าว่า เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีความไวต่อปริมาณน้ำ และความสมบูรณ์ของลำต้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากสืบเสาะหาต้นตอได้ อาจย้อนรอยไปดูที่ลำต้นของมันว่าจะต้องสมบูรณ์ ได้รับปริมาณน้ำ ปุ๋ยในขนาดที่เหมาะสม ถึงขนาดว่าต้องดูแลรดน้ำให้เจ้าเมล่อนที่มาไกลจากแดนปลาดิบกันถึง 5 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว เพื่อให้ได้รสชาติหวาน หอม และเนื้อเนียน
การเลือกสรร
นักวิชาการมีเทคนิคง่ายๆ (Tips) เพื่อให้ผู้รักผลไม้สามารถเลือกซื้อเมล่อนที่รสชาติหอมหวาน ถูกใจ โดยเริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อน ควรเลือกเมล่อนจากความสมบูรณ์ของผลที่สวย มีผลกลมสมบูรณ์ น้ำหนักประมาณ 1.3-1.5 กิโล จากนั้นก็มากลิ้งรอบผล เพื่อดูลายที่เปลือกของเมล่อนที่มีลักษณะเป็นตาข่ายพาดกันชัดเจนอย่างสวยงาม และผิวผลจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มตัดกับลายผลสีเหลืองไข่ไก่อย่างชัดเจน ซึ่งลักษณะเด่นเหล่านี้หาได้จากเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ คิโมจินั้นเอง หากตามร้านค้าของสดหรือตลาด สามารถผ่าครึ่งให้ดูได้ ให้พินิจพิเคราะห์ดูว่าเนื้อของเมล่อนจะมีสีเขียวอมเหลือง และเมื่อนำจมูกเข้าไปใกล้ ก็จะมีกลิ่นหอมชวนกิน ติดจมูกขึ้นมาเลย
พร้อมรับประทาน
การทานเมล่อนให้อร่อยนั้น ชาวญี่ปุ่นแนะว่า ก่อนทานควรแช่เตู้เย็นประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง แล้วนำมาผ่าครึ่งใช้ช้อนเขี่ยเฉพาะเมล็ดทิ้ง ที่สำคัญไม่ควรใช้มีดปาดไส้กลางทิ้ง แบบการปลอกมะละกอ เนื่องจากไส้กลางบริเวณที่ติดกับเมล็ดนั้นเป็นส่วนที่หวานที่สุดของเมล่อน หลังจากนั้นนำมาผ่าเป็นเสี้ยวแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ ก็จะได้เมล่อนที่หวานอร่อย ที่สำคัญควรหั่นให้พอดีทานหมดเท่านั้น ไม่ควรแช่เมล่อนที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้วทิ้งไว้ในตู้เย็น จะทำให้เสียรสชาติ และกลิ่นหอมของเจ้าเมล่อนไป
นอกจากนั้นชาวญี่ปุ่น หรือภัตตาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเลือกเสิร์ฟเมล่อนสดที่สุกกำลังดี เนื้อนุ่ม เนียน หวานฉ่ำ แต่หลายคนก็นำมาประยุกต์ทำเป็นเค้กใส่เมล่อน ไอศกรีมเมล่อน เจลลี่เมล่อน ขนมปังเมล่อน ก็อร่อยไปอีกแบบ
ประโยชน์มีมากมาย
นอกจากนั้นยังเชื่อว่าเอนไซม์ในน้ำเมล่อนชื่อว่า superoxide dismutase มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย ส่งผลให้สามารถลดระดับความเครียดของคนเราได้ ทำให้ความเจ็บปวด ปัญหาการนอนหลับลดลงได้ รวมทั้งมีกระบวนการรับรู้ที่ดีขึ้น เช่น มีสมาธิมากขึ้น สามารถปรับพฤติกรรม ลดอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย ดูเป็นมิตรขึ้นได้อีกต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น